ตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ
พระพุทธจริยาตอนหนึ่ง ๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงให้ปรากฏในสมัยหนึ่ง ๆ ซึ่งพอจะประมวลกันเข้าในพุทธจริยา ๓ ประการ ได้ดังนี้ :-
พระพุทธจริยาในเวลาที่ทรงบำเพ็ญ เพื่อความตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ นับแต่แรกเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ จนถึงเวลาตรัสรู้และเวลาเสวยวิมุตติสุข อันเป็นเวลา ๖ ปี ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่พระองค์โดยเฉพาะ เรียกว่า อัตตัตถจริยา ถ้าจะกำหนดด้วยพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ก็จะได้ถึง ๑๗ ปาง โดยนับแต่ปางที่ ๑ คือ ปางอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต จนถึงปางที่ ๑๗ คือปางรับสัตตุก้อน สัตตุผง
พระพุทธจริยาในเวลาที่ทรงบำเพ็ญ เพื่อความตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ นับแต่แรกเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ จนถึงเวลาตรัสรู้และเวลาเสวยวิมุตติสุข อันเป็นเวลา ๖ ปี ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่พระองค์โดยเฉพาะ เรียกว่า อัตตัตถจริยา ถ้าจะกำหนดด้วยพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ก็จะได้ถึง ๑๗ ปาง โดยนับแต่ปางที่ ๑ คือ ปางอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต จนถึงปางที่ ๑๗ คือปางรับสัตตุก้อน สัตตุผง
พระพุทธจริยาที่ทรงบำเพ็ญเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่พระประยูรญาติ โดยเฉพาะซึ่งก็มีส่วนน้อยเรียกว่า ญาตัตถจริยา ถ้าจะกำหนดด้วยพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ก็จะได้เพียง ๔ ปาง คือ ปางแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ปางโปรดพระพุทธบิดา ปางห้ามพระญาติแย่งน้ำในสมุทร และปางโปรดพระพุทธมารดา
พระพุทธจริยาที่ทรงบำเพ็ญเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชนทั่วไปไม่จำกัดชาติ ชั้น วรรณะ ตลอดเทพดา พรหม ยักษ์ ที่สุดจนสัตว์เดรัจฉาน ประดิษฐานพระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์สุขแก่ชาวโลก รวมทั้งการแสดงธรรม การบัญญัติพระวินัยแก่พระสงฆ์สาวก เพื่อความตั้งมั่น
แห่งพระพุทธศาสนา ในฐานะที่ทรงเป็นพระพุทธเจ้า อันเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ประชากรเรียกว่า โลกัตถจริยา กำหนดด้วยพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ซึ่งตัดจากอัตตัตถจริยา ๑๗ ปางและญาตัตถจริยา ๔ ปาง รวมเป็น ๒๑ ปางออกเสีย คงเหลือ ๔๓ ปาง เป็นส่วนโลกัตถจริยาทั้งสิ้น รวมพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ซึ่งแสดงพระพุทธจริยาของพุทธเจ้าทั้งมวลเป็น ๖๖ ปาง
ก่อนแต่จะทราบตำนานของพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ทั้งหมดนั้น สมควรจะทราบสถานที่และเวลาซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จประทับบำเพ็ญพระพุทธจริยาเพื่อประโยชน์เกื้อกูลดังกล่าวอันเป็นมูลฐานสำคัญแห่งการบังเกิดตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ นี้.
สถานที่และปีที่พระพุทธเจ้าเสด็จจำพรรษา
จำเดิมแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในวันเพ็ญเดือน ๖ แล้ว เดือน ๘ ก็เสด็จไปแสดงธรรมจักรโปรดพระปัญจวัคคีย์ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน และทรงจำพรรษาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แสดงอนัตตลักขณสูตรโปรดพระปัญจวัคคีย์ภิกษุอันเป็นพรรษาแรก ซึ่งจัดลำดับกาลได้ดังนี้ :-
พรรษาที่ ๑ ปีระกา เสด็จจำพรรษาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันโปรดพระปัญจวัคคีย์และพระยสกับมิตรสหาย
พรรษาที่ ๒ ปีจอ
พรรษาที่ ๓ ปีกุน และ
พรรษาที่ ๔ ปีชวด ทรงจำพรรษาที่พระเวฬุวัน พระนครราชคฤห์ โปรดพระเจ้าพิมพิสารและเสวกามาตย์ราชบริพารกับทั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ตลอดบริวาร
พรรษาที่ ๕ ปีฉลู ทรงจำพรรษาที่กุฏาคารสาลาป่ามหาวันพระนครไพสาลี
พรรษาที่ ๖ ปีขาล ทรงจำพรรษาที่กูฏบรรพต
พรรษาที่ ๗ ปีเถาะ ทรงจำพรรษาที่ปัณฑุกัมพลสิลาอาสน์ใต้ร่มไม้ปาริชาติในดาวดึงส์สวรรค์ แสดงอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
พรรษาที่ ๘ ปีมะโรง ทรงจำพรรษาที่เภสกลาวัน (ป่าไม้สีเสียด) ใกล้เมืองสุงสุมารคีรี ในภัคคชนบท
พรรษาที่ ๙ ปีมะเส็ง ทรงจำพรรษาที่โฆสิตาราม ในเมืองโกสัมพี
พรรษาที่ ๑o ปีมะเมีย ทรงจำพรรษาที่ภัททสาลมูล ในป่าปาลิไลยวัน อาศัยช้างปาลิไลยกะปฏิบัติบำรุง
พรรษาที่ ๑๑ ปีมะแม ทรงจำพรรษาที่บ้านนารายพราหมณ์
พรรษาที่ ๑๒ ปีวอก ทรงจำพรรษาที่ปุจิมณฑมูล ร่มไม้สะเดา ที่นเรฬุยักษ์สิงอยู่ใกล้เมืองเนรัญชา พรรษานี้ทรงบัญญัติพระวินัยตั้งสิกขาบทไว้เป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระภิกษุเป็นประถม
พรรษาที่ ๑๓ ปีระกา (รอบที่สอง) ทรงจำพรรษาที่ปาลิยบรรพต
พรรษาที่ ๑๔ ปีจอ ทรงจำพรรษาที่พระเชตวนาราม พระนครสาวัตถี
พรรษาที่ ๑๕ ปีกุน ทรงจำพรรษาที่นิโครธาราม พระนครกบิลพัศดุ์ โปรดพระพุทธบิดาและพระญาติ ตลอดเสด็จห้ามพระญาติวิวาทกันเพราะเหตุแย่งน้ำในสมุทร
พรรษาที่ ๑๖ ปีชวด ทรงจำพรรษาที่อัคคาฬวเจดีย์วิหาร เมืองอาฬวี โปรดอาฬวกยักษ์
พรรษาที่ ๑๗ ปีฉลู
พรรษาที่ ๑๘ ปีขาล และ
พรรษาที่ ๑๙ ปีเถาะ รวม ๓ พรรษานี้ ทรงจำพรรษาที่พระเวฬุวนาราม พระนครราชคฤห์
พรรษาที่ ๒o ปีมะโรง จนถึงพรรษาที่ ๔๔ รวมเป็น ๒๕ พรรษานี้ ทรงจำพรรษาที่พระเชตวนารามแลที่บุพพารามสลับกันคือที่พระเชตวนาราม ๑๙ พรรษา ที่บุพพาราม ๖ พรรษา
พรรษาที่ ๔๕ ปีมะเส็ง ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ปีที่เสด็จปรินิพพานทรงจำพรรษาที่เวฬุวคาม ใกล้พระนครไพสาลี ครั้นออกพรรษาแล้ว จึงเสด็จโปรดเวไนยสัตว์ยังนครต่าง ๆ จนถึงเมืองกุสินารา ในวันเพ็ญกลางเดือน ๖ วิสาขมาส และเสด็จปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา
ประมวลสถานที่พระบรมศาสดาสัมพุทธเจ้าเสด็จประทับบำเพ็ญพุทธกิจ โปรดเวไนยสัตว์ นับแต่แรกตรัสรู้จนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ตามบาลีอาคตสถานด้วยประการฉะนี้
บรรดาสถานที่พระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ในเทศกาลจำพรรษาก็ดี นอกพรรษาก็ดี ล้วนเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์ ด้วยการแสดงธรรมโปรดพุทธเวไนย์เป็นคุณเตือนใจพุทธศาสนิกให้สร้างพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ไว้เป็นอนุสรณ์และใส่ใจสักการบูชา เพราะเหตุนั้น พระพุทธรูปจึงมีปางต่าง ๆ จะประมวลยกมาแสดงตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเริ่มแต่เสด็จออกทรงผนวชก่อนตรัสรู้ และตรัสรู้แล้ว เสด็จโปรดพุทธเวไนยสัตว์ ตลอดเวลา ๔๕ พรรษา และเสด็จดับขันธปรินิพพาน.
พรรษาที่ ๑ ปีระกา เสด็จจำพรรษาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันโปรดพระปัญจวัคคีย์และพระยสกับมิตรสหาย
พรรษาที่ ๒ ปีจอ
พรรษาที่ ๓ ปีกุน และ
พรรษาที่ ๔ ปีชวด ทรงจำพรรษาที่พระเวฬุวัน พระนครราชคฤห์ โปรดพระเจ้าพิมพิสารและเสวกามาตย์ราชบริพารกับทั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ตลอดบริวาร
พรรษาที่ ๕ ปีฉลู ทรงจำพรรษาที่กุฏาคารสาลาป่ามหาวันพระนครไพสาลี
พรรษาที่ ๖ ปีขาล ทรงจำพรรษาที่กูฏบรรพต
พรรษาที่ ๗ ปีเถาะ ทรงจำพรรษาที่ปัณฑุกัมพลสิลาอาสน์ใต้ร่มไม้ปาริชาติในดาวดึงส์สวรรค์ แสดงอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
พรรษาที่ ๘ ปีมะโรง ทรงจำพรรษาที่เภสกลาวัน (ป่าไม้สีเสียด) ใกล้เมืองสุงสุมารคีรี ในภัคคชนบท
พรรษาที่ ๙ ปีมะเส็ง ทรงจำพรรษาที่โฆสิตาราม ในเมืองโกสัมพี
พรรษาที่ ๑o ปีมะเมีย ทรงจำพรรษาที่ภัททสาลมูล ในป่าปาลิไลยวัน อาศัยช้างปาลิไลยกะปฏิบัติบำรุง
พรรษาที่ ๑๑ ปีมะแม ทรงจำพรรษาที่บ้านนารายพราหมณ์
พรรษาที่ ๑๒ ปีวอก ทรงจำพรรษาที่ปุจิมณฑมูล ร่มไม้สะเดา ที่นเรฬุยักษ์สิงอยู่ใกล้เมืองเนรัญชา พรรษานี้ทรงบัญญัติพระวินัยตั้งสิกขาบทไว้เป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระภิกษุเป็นประถม
พรรษาที่ ๑๓ ปีระกา (รอบที่สอง) ทรงจำพรรษาที่ปาลิยบรรพต
พรรษาที่ ๑๔ ปีจอ ทรงจำพรรษาที่พระเชตวนาราม พระนครสาวัตถี
พรรษาที่ ๑๕ ปีกุน ทรงจำพรรษาที่นิโครธาราม พระนครกบิลพัศดุ์ โปรดพระพุทธบิดาและพระญาติ ตลอดเสด็จห้ามพระญาติวิวาทกันเพราะเหตุแย่งน้ำในสมุทร
พรรษาที่ ๑๖ ปีชวด ทรงจำพรรษาที่อัคคาฬวเจดีย์วิหาร เมืองอาฬวี โปรดอาฬวกยักษ์
พรรษาที่ ๑๗ ปีฉลู
พรรษาที่ ๑๘ ปีขาล และ
พรรษาที่ ๑๙ ปีเถาะ รวม ๓ พรรษานี้ ทรงจำพรรษาที่พระเวฬุวนาราม พระนครราชคฤห์
พรรษาที่ ๒o ปีมะโรง จนถึงพรรษาที่ ๔๔ รวมเป็น ๒๕ พรรษานี้ ทรงจำพรรษาที่พระเชตวนารามแลที่บุพพารามสลับกันคือที่พระเชตวนาราม ๑๙ พรรษา ที่บุพพาราม ๖ พรรษา
พรรษาที่ ๔๕ ปีมะเส็ง ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ปีที่เสด็จปรินิพพานทรงจำพรรษาที่เวฬุวคาม ใกล้พระนครไพสาลี ครั้นออกพรรษาแล้ว จึงเสด็จโปรดเวไนยสัตว์ยังนครต่าง ๆ จนถึงเมืองกุสินารา ในวันเพ็ญกลางเดือน ๖ วิสาขมาส และเสด็จปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา
ประมวลสถานที่พระบรมศาสดาสัมพุทธเจ้าเสด็จประทับบำเพ็ญพุทธกิจ โปรดเวไนยสัตว์ นับแต่แรกตรัสรู้จนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ตามบาลีอาคตสถานด้วยประการฉะนี้
บรรดาสถานที่พระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ในเทศกาลจำพรรษาก็ดี นอกพรรษาก็ดี ล้วนเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์ ด้วยการแสดงธรรมโปรดพุทธเวไนย์เป็นคุณเตือนใจพุทธศาสนิกให้สร้างพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ไว้เป็นอนุสรณ์และใส่ใจสักการบูชา เพราะเหตุนั้น พระพุทธรูปจึงมีปางต่าง ๆ จะประมวลยกมาแสดงตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเริ่มแต่เสด็จออกทรงผนวชก่อนตรัสรู้ และตรัสรู้แล้ว เสด็จโปรดพุทธเวไนยสัตว์ ตลอดเวลา ๔๕ พรรษา และเสด็จดับขันธปรินิพพาน.
ข้อมูลจากหนังสือ "ตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ" นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ อนุจารีมหาเถร)